เรื่องราวของหนุ่ม ต้าร์ บาร์บี้

เรื่องราวของหนุ่ม ต้าร์ บาร์บี้

ต้าร์ บาร์บี้ โดน ไทร์ … เพราะไม่รู้ ผมเรียนอยู่จนถึง ม . 6 ในที่สุดก็ไม่จบเหมือนคนอื่น จึงไปสอบเทียบ จากนั้นเข้าเรียน นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พยายามตั้งใจเรียนมากขึ้น การเรียนเริ่มดีขึ้น แต่ผมไม่รู้ว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ เหมือนกับตรงที่ว่าสอบผ่านไปเรื่อย ๆ ก็จบ แต่มันมี GPA ที่ต้องพยายามทำเกรด ผมไม่รู้ เพราะ ไม่เคยอ่านคู่มือ พ่อแม่ผมเป็นคนที่มีลูกเร็ว ทั้งตระกูลมีผมเป็นคนที่โตสุด

ผมจึงไม่มีพี่คอยให้คำ ปรึกษาเรื่องวิธีการเรียน เรียนเทอมแรก ผมก็ได้เกรด D บ้าง C บ้าง สอบผ่านหมด ผมก็ดีใจฉลองกับเพื่อน พอ เทอม 2 ก็ฉลองอีก ไม่มีใครบอกผมเลย และผมก็ไม่เคยถามใคร เพื่อนในกลุ่มผมไม่เคยคุยกันเรื่อง เรียนอยู่แล้ว พอโดนแจ้งว่ารีไทร์ไปแล้ว เราก็งง เพราะไม่รู้มาก่อน แม่ก็เสียใจว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะ พ่อแม่ผมเค้าให้อิสรเสรีทุกอย่าง แค่ขอให้เรียนจบมหาวิทยาลัย คิดว่าผมโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเอง ได้แล้ว แต่กลับทำไม่ได้ 

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เสียใจที่สุด ผมเข้าไปใหม่อีกรอบ เรียนอยู่ 6 ปีกว่าจะจบ และเอา ในปริญญาไปให้แม่ดู แต่ผมไม่ไปงานรับปริญญา ไม่ใช่ว่าไม่ให้เกียรติคนที่ให้ แต่ผมแค่รู้สึกเฉย ๆ 4 . มองมันก็เป็นชีวิตของผม ทำไมต้องมานั่งเหนือยรอรับด้วย ผมเจอนายทะเบียนที่ห้องบ่อยกว่า อธิการบดีที่มายื่นให้ผมเสียอีก นี่คือความคิดผมที่เชื่ออย่างนี้จริง ๆ พ่อแม่ลิปปี้ ให้เสรีแต่ต้อง “ คิดเก่าที่ฟรีมาก พ่อแม่ผมเค้าเป็นฮิปปี้เก่าที่ฟรีมาก ท่านเคยบอก หมายความว่าฉันจะมีอำนาจเหนือตัวลูก แกมีสิทธิในตัวเอง 100 % ฉันมีสิทธิ์ใน ท่านเคยบอกผมว่าพ่อแม่เป็นพ่อแม่ก็จริง แต่ไม่ได้ ตัวเอง 100 % ฉันมีสิทธิ์ในตัวแกแค่ตักเตือนแต่จะไม่เข้าไปในชีวิตแก อยากเรียนอะไรก็เรียน อยากทำอะไรก็ทำ

สิ่งที่พ่อแม่ให้คือการสอนให้ผมคิด ทำอะไรต้องคิด อะไรถูกอะไรผิดต้องใช้สมองคิด สมัย เด็ก ๆ จะไปเที่ยวกลางคืน ไม่มีพ่อแม่คนไหนให้ไปหรอก ส่วนใหญ่ต้องหนีไป แต่พ่อแม่ผมบอกให้ คิดเองว่าจะไปมั้ย แล้วมาบอกแล้วกัน ผมก็เดินไปบอกว่า “ ผมไปนะ ” โอเค งั้นเดี๋ยวแม่ไปส่ง แต่แก กลับเองนะ ถ้าเที่ยวแล้วกะว่าเมาแน่ ๆ อย่าเอารถไป เพราะมันจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวแกเอง เป็นอะไรไปพ่อแม่ก็เสียใจ 

ตอนเด็ก ๆ ของ ต้าร์ บาร์บี้ ที่ได้คิดเอง ผมก็คิดได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เรื่องเดียวที่พ่อแม่ขอไว้คืออย่าทำสิ่ง ผิดกฎหมาย ไม่ต้องถึงพ่อแม่หรอก ถ้าเกิดทำขึ้นมา ตำรวจก็จับอยู่ดี ถ้าผมมีลูก ผมก็อยากให้ลูกเป็นคนใฝ่รู้ คิดเองได้ โดยที่มีเราอยู่ข้าง ๆ คอยตะล่อม ไม่ใช่ ไปจูงไปลากเขา เพราะการมีอายุมากกว่าไม่ได้หมายความว่าจะฉลาดกว่าหรือมีอำนาจมากกว่า แต่ การที่ผู้ใหญ่ใช้กฎระเบียบและความที่อายุมากกว่ามาบังคับ เป็นเพราะไม่รู้จะเอาวิธีไหนมาคอนโทรล เด็ก แต่ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่วัยรุ่นอยากได้ก็คือความเข้าใจและการยอมรับ ทั้งจากผู้ใหญ่และจากสังคม 

บางครั้งการที่เด็กรุ่นเดียวกันมานั่งข่มกันเองทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพราะพวกเขาหาวิธี ทำให้ตัวเองเด่น มันกลายเป็นปัญหา ผมไม่เคยเห็นลูกคนรวยที่ไหนจะไปตีรันฟันแทงกับใคร เพราะ บ้านแม่งมีฐานะ มีตำแหน่งในสังคมพอแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยเห็นลูกคนรวยที่ไหนมาร่วมหัวจมท้ายกับ เพื่อน ช่วยเหลือเพื่อนเหมือนพวกเด็กช่างกลเหมือนกัน มันดีคนละอย่างเพื่อนแท้คือพ่อแม่เรา

บางครั้ง พ่อแม่ก็วัยรุ่นกว่าเพื่อนผมอีก มีอะไรผมจึงปรึกษาแม่ทุกเรื่อง ตอนที่อกหักใหม่ ๆ ผมเฮิร์ทมาก พ่อแม่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผมก็เลยไปด้วย นั่งอยู่คนเดียว พ่อแม่ก็อยู่ของเค้า เรา ก็อยู่ของเรา แต่ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร เดี๋ยวก็ได้เจอแม่ เดี๋ยวก็ได้คุยกับแม่ คุยเล่นคุยตลกกัน มันก็ เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง เหมือนสมองโล่ง ได้คิดอะไรจริง ๆ คิดด้วยอารมณ์ที่สบายใจ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สมัคร Gclub

ติดต่อเรา ข่าวเด่นประเด็นร้อน

info@sametiffany.com